วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

มะเร็งผิวหนัง (skin cancer)

        สวัสดีคะ...  ยัยมิ้นท์ช่างเม้าท์...กลับมาพบท่านผู้อ่านอีก ตามเคยอย่าพึ่งเบื่อกันไปก่อนแล้วกันนะคะ..จริง ๆ วันนี้ก็มีเรื่องมาเม้าท์กันเหมือนเดิมก็อะไรซะอีกหล่ะคะ...เรื่องเก่ามาเล่าใหม่นั่นแหละค้า เรื่องใกล้ตัวที่เราอาจละเลย หรือ ได้ดูแลแล้วแต่อาจไม่เพียงพอ วันนี้เราก็มีมาแนะนำเหมือนกัน.....อยากรู้แล้วหล่ะซิ...ตามมาเลย

มะเร็งผิวหนังรักษาหายได้ หากรักษาตั้งแต่แรก 
 
     มีข้อมูลจาก น.พ.นิโคลัส เพอริโคน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผู้แต่งหนังสือ The Wrinkle Cure บอกไว้ว่า จำนวนผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งผิวหนังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากสถิติเมื่อก่อน 1 ใน 10000 คน ปัจจุบัน พบเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 93 คน

http://www.beltina.org
     กาที่คนเรามีสีผิวต่างๆกัน เป็นผลจากการทำงานของเซลล์เม็ดสี (melanocyte) ซึ่งจะผลิตเม็ดสี เพื่อป้องกันเซลล์ผิวหนังของเรา จากอันตรายจากแสงแดด ดังนั้น การทาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผิวขาวขึ้น ก็เท่ากับไปลดการทำงานของเซลล์เม็ดสี และทำให้เซลล์ผิวหนัง มีโอกาสรับแสงอัลตราไวโอเลตมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
     กากำจัดไฝหรือขี้แมลงวันก็ เช่นกัน ปัจจุบันนิยมรักษาด้วยเลเซอร์ เนื่องจากทำได้เร็ว ไม่มีเลือดออก ไม่ต้องมีรอยเย็บ ไม่ต้องตัดไหม แต่มีข้อควรคำนึงว่า มะเร็งผิวหนังบางชนิด ระยะเริ่มแรกอาจแยกยากจากไฝธรรมดา บางคนกำจัดไฝกันเอง โดยใช้ธูปจี้บ้าง ใช้ปูนกัดบ้าง ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง นอกจากจะเป็นแผลเป็นง่ายแล้ว ถ้าหากรอยโรคที่เข้าใจเอาเองว่าเป็นไฝนั้น แท้ที่จริงเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรก การจี้นอกจากจะทำลายเซลล์มะเร็งไม่หมด มีโอกาสแพร่กระจายได้แล้ว ยังทำให้การส่งตรวจทางพยาธิวิทยาในภายหลัง อ่านผลได้ลำบาก ดังนั้น การจะทำอะไรกับไฝหรือก้อนต่างๆ บนผิวหนัง จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน
 
มะเ็งผิวหนังมีหลายชนิด 

http://skincancer-fact.com/type-of-basal-cell-carcinoma-bcc
     ที่พบบ่อย ได้แก่ Squamous cell carcinoma, Basal cell carcinoma อีกชนิดที่พบไม่บ่อย แต่มีความร้ายแรง เพราะสามารถกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้รวดเร็วคือ มะเร็งของเซลล์เม็ดสี ที่เรียก malignant melanoma มะเร็งผิวหนังอาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้นช้าๆ และลุกลามเฉพาะที่ หรืออาจแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นได้ด้วย เช่นไปต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น
 
ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของมะเ็งผิวหนัง
 
http://sunscreen-cream.blogspot.com
      1.  แสงอัลตาไวโอเลต (UVA,UVB) พวกที่ต้องทำงานกลางแดด เล่นกีฬากลางแจ้ง ชอบอาบแดด จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง  
 
      2.  เชื้อชาติ คนผิวขาว ผมสีบลอนด์ ผิวไหม้แดดง่าย มีโอกาสเสี่ยงสูง เพาะมี เม็ดสีที่ผิวหนังน้อย ความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสงอัลตราไวโอเลตจึงน้อยกว่าคนผิว คล้ำ คนที่เป็นโรคผิวหนัง Albinism ซึ่งมีความผิดปกติของการสร้างเม็ดสี จะพบมะเร็งผิวหนังได้บ่อย
 
     3.  กาได้รับสารเคมีก่อมะเร็ง เช่น สารหนูที่ปนอยู่ในน้ำ ยาหม้อ ยาไทย ยาจีน ยาลูกกลอน
 
    4.  แผลเป็นจากไฟไหม้ น้ำ้อนลวก แผลจากผื่นผิวหนังบางโรค เช่น DLE
 
    5.  มีปะวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง
 
    6.  เชื้อไวัสบางชนิด เช่น HPV ที่ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ
 
http://www.bloggang.com
    7.  ภาวะภูมิคุ้มกันบกพ่อง เช่น ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหลังการปลูกถ่ายไต
 

    8.  ผิวหนังในบิเวณที่เคยได้รังสีรักษา
 
    9.  คนที่สูบบุหี่นานๆ จะเกิดมะเร็งในช่องปากได้
  


กาป้องกันและรักษา
 
http://www.hi5bkk.com/thread-7371-1-1.html
      มะเ็งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นที่อวัยวะใด ถ้าสามารถตรวจพบตั้งแต่แรก และกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติออกได้หมด ก็สามารถหายขาดได้ มะเร็งผิวหนังมีข้อเด่นคือ ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอก เราสามารถมองเห็นได้ จึงทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มแรกได้รวดเร็ว และยังติดตามการรักษาได้ง่าย
 
      คนปกติทั่วไป จะมีเม็ดไฝ ขี้แมลงวัน เกิดขึ้นตามผิวหนังได้ทุกช่วงอายุ พออายุมากขึ้นก็มีพวกกะ หูด ติ่งเนื้อต่างๆ เราจะทราบได้อย่างไรว่า รอยโรคใดอาจเป็นมะเร็งผิวหนัง
   
อากาที่บอกว่าอาจเป็นมะเร็งผิวหนัง


http://www.junjaowka.com
     มีวิธีสังเกตคือ 
  • ไฝที่เป็นอยู่เดิม มีูปร่างเปลี่ยนไป อาจใช้หลักง่ายๆ คือ ABCD ดังนี้  



      A= ASYMMETRY  ลักษณะของไฝทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน 


      B=BORDER IRREGULARITY ขอบของไฝไม่เียบ 

      C=COLOR  สีของไฝไม่สม่ำเสมอ 

      D=DIAMETER  ขนาดของไฝใหญ่กว่า 6 มม. 

 
  • มีผื่นหือก้อนที่เกิดขึ้นใหม่ และไม่หายใน4-6 สัปดาห์
 
  • ไฝหือปานที่โตเร็ว และรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิม มีอาการคัน แตกเป็นแผล และมีเลือดออก
 
  •   แผลเื้อรังไม่หายใน 4 สัปดาห์
     
           ถ้ามีข้อสงสัย ให้ปึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัย ซึ่งทำได้โดยการตัดชิ้นเนื้อบริเวณที่สงสัย ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
     
    การักษา

         มีหลายวิธี ขึ้นกับชนิด ตำแหน่ง และการลุกลามของโรค 

         1.  วิธีผ่าตัดเอามะเร็งผิวหนังออกให้หมด 
    http://www.mohssurg.com/surgery.htm
         ถ้ามะเร็งเกิดขึ้นที่บนใบหน้า ในบริเวณที่อาจมีการผิดรูปจากการผ่าตัดได้ ปัจจุบันมีวิธีผ่าตัดโดยวิธีที่เรียก Mohs micrographic surgery แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อและส่งตรวจทางพยาธิวิทยา ในคราวเดียวกัน เพื่อตรวจดูว่าได้ตัดมะเร็งออกได้หมด หากยังมีหลงเหลือ ก็จะกลับมาผ่าตัดซ้ำจนหมด จึงจะเย็บปิดแผล วิธีนี้จะทำให้สามารถตัดมะเร็งออกได้หมดในคราวเดียว โดยไม่ตัดเนื้อดีออกมากเกินจำเป็น

         2.  รังสีรักษา หรือถ้ามีการแพร่กระจาย จะต้องให้เคมีบำบัดร่วมด้วยในกรณีที่ มะเร็งถูกทิ้งไว้จนมีขนาดใหญ่เกินที่จะตัดออกได้หมด
         
    ที่มา : พ.ญ. สุหัทยา อังสุวังษี  แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรกรรม โรงพยาบาลศิริราช 
    http://www.fwdder.com
         พอดีไปอ่านเว็บไซด์นึ่งเห็นว่าน่าสนใจและเป็นเรื่องที่น่าจะเกี่ยวเนื่องกับการป้องกันผิวให้ปลอดภัยจากมะเร็งผิวหนังคะก็เลยนำมาฝากค้า เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย...
         
            
     
    1. ยอมรับในสิ่งที่ธรรมชาติให้มา

         หลาย คนอยากมีผิวสวยใส ไร้ที่ติ ใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใย ก็เลยสรรหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้น แต่ทราบไหมว่าผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งพวกนี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเมลาโนไซด์ ทำให้ผิวหนังของเราบางลง เมื่อเราไปถูกแสงแดดกระทบนานๆ เข้า แม้จะแค่ครั้งหรือสองครั้งก็ตาม ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้มีแนวโน้มของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้
      
    2. อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

         อาหาร เสริมมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตมากขึ้น อย่างเช่น เบต้าแคโรทีน สามารถทำให้ผิวพรรณผ่องใส มีสารป้องกันอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง เพราะสารแคโรทีนอยด์จะไปสะสมที่ผิวหนังทำให้สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอ เล็ตได้มากกว่าเดิม หรือจะเป็นวิตามินซีก็มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังส่งเสริมให้ร่างกายนำเอาวิตามินอีไปใช้เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ ทรงประสิทธิภาพอีกด้วย

      
    3. หลีกให้พ้นสารเคมี
         ทราบ กันดีอยู่แล้วว่า สารเคมีต่างๆ ที่ตกค้างตามผิวหนัง ล้วนมีโอกาสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ดังนั้นเราควรจะหลีกเลี่ยงให้พ้นสารเคมีเหล่านี้ แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมี ก็ควรที่จะมีการป้องกันด้วยเสื้อผ้าที่ปิดมิดชิด

       
    4. หลีกเลี่ยงแสงแดด

         การ อยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวหนังของเราเกิดอาการถูกแดดเผา และผู้ที่ถูกแสงแดดเป็นประจำ อาจจะมีผลทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดฝ้าแดดและมะเร็งที่ผิวหนัง ดังนั้นเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการออกแดด โดยเฉพาะในเวลาตอนกลางวัน
    5. กันไว้ก่อน พ่อสอนไว้

         หาก จำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอก รังสี UVA และ UVB ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน อาจจะส่งผลให้ผิวหนังเราไหม้ได้ ดังนั้น จึงควรที่ปกป้องผิวหนังด้วยครีมกันแดด ยิ่งปัจจุบัน ครีมกันแดดก็ไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนเมื่อก่อนจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้ ครีมกันแดด


     ที่มา :  http://women.thaiza.com      
         งัยค้าหวังว่าคงถูกใจสาว ๆ หลายท่านนะคะ....มะเร็งผิวหนังสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัย และรักษาตั้งแต่เริ่มแรก ระวังอย่าถูกแสงแดดจัด ใช้ครีมกันแดดให้ถูกต้องและเหมาะสม สังเกตการเปลี่ยนแปลงของหูด,ไฝ, ปานหากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์นะคะ...ยังเป็นห่วงเหมือนเดิม..ยัยมิ้นท์ช่างเม้าท์....